วันอาทิตย์ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

วิชาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารสำหรับครู

คำอธิบายรายวิชา

.....ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศ ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เช่น ไมดครซอฟท์คอมพิวเตอร์ และอุปการืคอมพิวเตอร์ ระบบการสื่อสารข้อมูล ระบบเน็ตเวิร์ด ระบบซอฟท์แวร์ การจัดการทรัพยากรสารสนเทศ เครื่องมือการเข้าถึงสารสนเทศ ทักษะการเข้าถึงสารสนเทศ ฐานข้อมูลสารสนเทศ ห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์และการอ้างอิง ฝึกปฎิบัติการ สามารถใช้คอมพิวเตอร์ขั้นพื้นฐานและเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารได้อย่างเหมาะสมได้

วัตถุประสงค์

.....เมื่อผู้เรียนศึกษาเนื้อหาบทเรียนจบแล้วตามหลักสูตรแล้วจะมีพฤติกรรมหรือความสามารถดังนี้
.....1. อธิบายความหมาย ความสำคัญ และองค์ประกอบของเทคโนโลยีสารสนเทศได้
.....2. อธิบายความสัมพันธ์ของเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารได้
.....3.ยกตัวอย่างความสัมพันธ์ของเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารได้
.....4. อธิบายความหมายและความสำคัญของวิธีระบบได้
.....5. อธิบายความสัมพันธ์ของวิธีระบบได้
.....6. บอกความหมายและองค์ประกอบสำคัญๆของคอมพิวเตอร์ได้
.....7. อธิบายหน้าที่ขององค์ประกอบของคอมพิวเตอร์ได้
.....8. บอกประเภทและคุณสมบัติของซอฟท์แวร์แต่ละประเภทได้
.....9. บอกความหมายและความสำคัญของอินเตอร์เน็ตได้
.....10. บอกความสัมพันธ์ของเครือข่ายคอมพิวเตอร์และเครือข่ายอินเตอร์เน็ตได้
.....11. อธิบายแหล่งเรียนรู้ต่าง ๆ ที่สามารถเชื่อมโยงเป็นเครือข่ายได้
.....12. อธิบายวิธีประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศกับการศึกษาได้
.....13. ยกตัวอย่างโปรแกรมต่าง ๆ ที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับการเรียนการสอนได้
.....14. สร้างสื่อเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการเรียนการสอนได้
.....15. นำเสนอสื่อเทคโนโลยีสารสนเทศทั้งที่เป็นสื่อทั่วไปและสื่อระบบเครือข่ายได้


"ความหมายของคำว่า ซื่อสัตย์"

ข้อ1. คำว่า"ซื่อสัตย์" ในภาษาอังกฤษแปลว่า Integrity  ความซื่อสัตย์หมายถึงการประพฤติตรงและจริงใจ ไม่คดโกงและไม่หลอกลวง ไม่คิดคดทรยศ ความซื่อสัตย์จริงใจต่อกันของบุคคลย่อมเป็นผลให้ เกิดความไว้วางใจซึ่งกันและกัน ในการพัฒนาตนให้มีวินัย มีความงามทางกาย วาจาHonesty  หมายถึง มีความซื่อสัตย์  หรือมีความจริงใจ ทั้งในการพูดหรือปฏิบัติ โดยจะพูดและปฏิบัติตรงตามความคิด ทั้งต่อตนและต่อผู้อื่น  ความซื่อสัตย์ต่อตนเอง ได้แก่ การไม่เข้าข้างตนเอง  การไม่โยนกลอง การไม่สร้างปมเขื่องซ่อนปมด้อย  และการไม่ยกเว้นให้ตนเอง  ความซื่อสัตย์ต่อผู้อื่นย่อมเกิดจากจิตที่มีความเมตตาและมีความยุติธรรม  ปรารถนาให้ผู้อื่นมีความสุข และเกิดสิ่งดี สิ่งที่ถูกต้องในสังคมโดยไม่หวังผลตอบแทน 


คุณลักษณะของความซื่อสัตย์จะมีความสำคัญและส่งผลต่อตัวเองและต่อหน่วยงานหรือองค์การสรุปได้ดังนี้
...1)  การได้รับ ความไว้วางใจ จากหัวหน้างานของ พนักงานที่มีความซื่อสัตย์ย่อมทำให้หัวหน้างานพร้อมและกล้าพอที่จะมอบหมายงานที่สำคัญหรือเป็นความลับของบริษัทให้กับคุณ เพราะหัวหน้าไว้วางใจตัวคุณเพราะรู้ว่างานที่มอบหมายให้ไปนั้นคุณต้องทำเสร็จและข้อมูลที่คุณทำนั้นมีความถูกต้องอย่างแน่นอน 
               

...2)  ความน่าเชื่อถือ ได้ของตัวคุณ คุณจะได้รับการยอมรับและการกล่าวถึงในทางที่ดีจากบุคคลรอบข้าง ไม่ว่าจะเป็นหัวหน้างาน เพื่อนร่วมงาน ลูกน้อง หรือแม้กระทั่งลูกค้าของคุณเอง เช่น ยอมรับว่าคุณมีความรับผิดชอบและความตั้งใจทำงาน เนื่องจากคุณไม่เคยที่จะขาดงานหรือมาสาย รวมทั้งข้อมูลที่คุณให้นั้นมีความถูกต้องและเป็นปัจจุบันเสมอ          
...3)  สร้างผลงาน ( Performance) ของตัวคุณ ความซื่อสัตย์ทำให้คุณมีโอกาสทำงานใหญ่หรือสำคัญ ซึ่งอาจเป็นงานที่มีผลกระทบต่อหน่วยงานหรือองค์การ โดยคุณจะมีโอกาสแสดงฝีมือการทำงานของคุณและโอกาสนี้เองย่อมจะส่งผลต่อเนื่องไปยังผลผลการปฏิบัติงาน    ( Performance) และมูลค่าเพิ่ม ( Added Value) ของตัวคุณเอง          
 ...4) รักษาผลประโยชน์ของหน่วยงาน/บริษัท หากคุณมีความซื่อสัตย์แล้วล่ะก็ ย่อมหมายถึงคุณไม่ได้เอาเปรียบหน่วยงานและบริษัท เนื่องจากคุณทำงานอย่างเต็มที่ ได้ปฏิบัติตามระเบียบและรักษาทรัพย์สินของบริษัท และรวมถึงคุณไม่เอาความลับของบริษัทไปเปิดเผยให้คู่แข่งรับรู้ ซึ่งหมายถึงคุณกำลังรักษาผลประโยชน์ให้กับหน่วยงานและบริษัทของคุณเอง

ข้อ 2.  คำที่มีความใกล้เคีงกับคำว่า ซื่อสัตย์ เช่น สัตย์ สุจริต ซื่อ ซื่อตรง สวามิภักดิ์


ข้อ 3. ประโยชน์ที่ได้รับจากความซื่อสัตย์คือ
...1ได้รับความไว้วางใจจากผู้อื่น                 
...2.ตนเองได้รับความภาคภูมิใจ
...3.ลดความเครียดในชีวิตได้                          
...4.ใช้วิจารณญาณที่ดีกว่า
...5.เพิ่มความสัมพันธ์กับคนรอบข้างได้         
...6.ความมั่นใจของจะเพิ่มขึ้น
...7.สร้างชื่อเสียงให้กับตนเองได้
...8.ทำให้เกิดความไว้วางใจระหว่างกัน
...9.จะเป็นที่รักใคร่ในหมู่เพื่อนฝูงและสังคมโดยทั่วไป
...10.จะไม่ถูกกล่าวหาว่าเป็นคนมุนาฟิก (กลับกลอก)


ข้อ 6. พ่อแม่มีส่วนร่วมในการสอนจริยธรรมให้แก่เราโดยการสอนให้รู้จักว่าอะไรดีอะไรชั่วอะไรผิดอะไรถูกโดยการแนะนำให้แก่เราให้เราประพฤติตามคำสอนของพ่อแม่
การมีจริยธรรมในการใช้ ICT  คือ เช่น Internet มีกันโดยแพร่หลาย มีทั้งเด็ก ทั้งผู้ใหญ่ที่ใช้ Internet จริยธรรมในการใช้คือ ควรเลือกดู เลือกใช้ให้ถูกต้องตามหลักจริยธรรม คือไม่ดูสื่อลามกอนาจารณ์ ไม่ทำให้ผู้อื่นได้รับความเสียหายจากการใช้
Internet หลักการมีจริยธรรมในการใช้คอมพิวเตอร์คือ การไม่ใช้คอมพิวเตอร์เพื่อทำให้เกิดความเสียหายหรือสร้างความรำคาญให้กับผู้อื่นและใช้ในทางสร้างสรรค์ ไม่ละเมิดสิทธิการส่วนตัวของผู้อื่น ไม่ละเมิดลิขสิทธิ ในและไม่ทำลายข้อมูลของผู้อื่นทั้งโดยตรงและทางอ้อมไม่ควรเป็นช่องทางที่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน ไม่โฟสสิ่งที่ไม่ดีลงเน็ต ไม่ควรเป็นช่องทางในการหลอกผู้อื่น ควรมีจริยธรรมในการใช้ ICT  คือ

...1 ไม่ทำการเจาะข้อมูลของผู้อื่น
...2 ไม่ใช้คอมพิวเตอร์เป็นเครื่องมือในการทำชั่ว
...3 ไม่ทำลายข้อมูลของคนอื่น
...4 ไม่เผยแพร่ภาพลามกลงในเว็ปไซต์



ข้อ 8.  บทเพลงที่เกี่ยวกับความซื่อสัตย์


1. เพลงรักเธอเสมอ ของ อัสนีย์ วสันต์ โชติกุล
  รักเธอเสมอ นานเท่าไรยังรักเธอ
เหมือนแต่ก่อนเป็นมาเสมอ แม้ว่าเธอจากฉันไป
ฉันยังเฝ้าดู และอยากจะรู้ความเป็นไป
เพราะว่าฉัน รักเธอ
 
 รักเธอเสมอ นานเท่าไรยังรักเธอ
เหมือนแต่ก่อนเป็นมาเสมอ....

  2. เพลงวิมานดิน ของนันทิดา แก้วบัวสาย เป็นความรักของคน 2 คน ที่พร้อมจะร่วมทุกข์ร่วมสุขไปด้วยกัน
เป็นวิมานอยู่บนดิน ให้เธอได้พักพิงพิง และนอนหลับไหล
เก็บดาวเก็บเดือนมาร้อย มาลัย
 เก็บหยาดน้ำค้างกลางไพร มาคล้องใจเราไว้รวมกัน
ก่อนฟ้าจะสาง ก่อนจันทร์จะร้างแรมไกล ยังอยู่กับเธอข้างเคียงกาย
อยู่ในความฝัน ฝากเสียงกระซิบ ฝากไปในสายลมผ่าน
ข้ามขอบราตรีที่ยาวนาน ให้เธอฝันดี
ให้เธอได้อบ อุ่น และนอนฝันดี
ให้เธอได้อบ อุ่น...อยู่ในวิมาน
 

3. เพลงทรายกับทะเล ของ ตู่ นันทิดา แก้วบัวสาย
 หาดทรายยังสวย.. รายล้อมทะเลด้วยรัก
คงไว้ด้วยใจแน่นหนัก.. ไม่หวั่นยามพายุผ่าน
จะมีเพียงฉัน และเธอตราบนานเท่านาน
มีรักในใจผสาน.. ดั่งทรายอยู่คู่ทะเล..
(จะมีเพียงฉัน และเธอตราบนานเท่านาน)
มีรักในใจผสาน.. ดั่งทรายอยู่คู่ทะเล..
 
 ข้อ 9. สุภาษิต ความหมายตามพจนานุกรม หมายถึง คำกล่าวที่มีคติควรฟัง สุภาษิตจึงมีลักษณะเดียวกับคำพังเพย แต่มีจุดมุ่งหมายเพื่อการสั่งสอน เตือนสติให้คิด ไม่มีการเสียดสีหรือติชมอย่างคำพังเพย เป็นถ้อยคำที่แสดงหลักความจริง เป็นที่ยอมรับกันโดยทั่ว ๆ ไป ภาษิตนี้ยังมีความหมายรวมไปถึง สัจธรรม คำสั่งสอนที่เป็นความจริงอันเที่ยงแท้ทางศาสนาด้วย เช่น ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน คนล่วงทุกข์ได้เพราะความเพียร ฯลฯ แต่เรานิยมเรียกสัจธรรมเหล่านี้ว่า "สุภาษิต"คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่มีลักษณะเดียวกับสำนวน แต่ต่างจากสำนวนตรงที่มีจุดมุ่งหมายเชิงสั่งสอน แต่เป็นไปในทำนองเสียดสี ประชดประชัน แฝงความหมายเชิงติชมไว้ด้วย คำพังเพยส่วนมากมีลักษณะเป็นข้อคิด และมีความหมายลึกซึ้ง เนื้อความที่สั่งสอนนั้น ไม่ได้เป็นความจริงอันเที่ยงแท้ เช่นซื่อกินไม่หมด คดกินไม่นาน ,  เสียชีพอย่าเสียสัตย์ ,  ต้นร้ายปลายดี  ,   ลูกศิษย์คิดล้างครู


ข้อ 10. มีวินัย คือมาเรียนตรงตามเวลาทุกครั้ง  ไม่เคยโดดเรียน  ไม่เคยขาดเรียน  ตั้งใจฟังสิ่งที่อาจารย์สอน  ไม่คุยกันในห้องเรียน ไม่ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย  มีความเอื้อเฟื้อเกื้อกูล  มีเหตุผล รู้หน้าที่  ซื่อสัตย์   มีจิตใจเป็นประชาธิปไตย เคารพความคิดเห็นและสิทธิของผู้อื่น มีความเสียสละ รักษาสิ่งแวดล้อม  ไม่ทำลายทรัพย์สินหรือสิ่งของมีค่า  เข้ากับผู้อื่นได้  ไม่ชักจูงเพื่อนไปในทางที่ผิด  เตือนเพื่อนหากเพื่อนทำในสิ่งที่ไม่ดี มีความซื่อสัตย์ต่อตนเองและผู้อื่น  ไม่ยุ่งเกี่ยวกับอบายมุขต่างๆ


เคล็ดลับ 10 ข้อในการจำภาษาอังกฤษ


รู้สึกสมองตื้อทุกครั้งเมื่อนึกถึงการที่ต้องท่องจำศัพท์ภาษาอังกฤษวันนี้มีเคล็ดลับดีๆมาฝาก

...1. ความเกี่ยวเนื่อง : ถ้าจัดคำศัพท์ออกเป็นหมวดหมู่ขึ้นอยู่กับความเกี่ยวเนื่องสัมพันธ์กันระหว่างศัพท์แล้วเขียนออกมาเป็นแผนผังจะทำให้นักเรียนจำคำศัพท์ได้ง่ายขึ้น
...2. เขียน : การนำคำศัพท์นั้นมาใช้จะทำให้นักเรียนจำได้ฝังใจยิ่งขึ้น ลองเขียนแต่งประโยคโดยนำศัพท์ใหม่ที่เรียนนั้นมาประกอบหรือแต่งเรื่องโดยใช้กลุ่มคำศัพท์หรือสำนวนที่เรียนอยู่

...3. วาดรูป : ดึงวิญญาณศิลปินตัวน้อยออกมาใช้ โดยการวาดรูปที่แสดงถึงศัพท์ที่เรียนอยู่ ภาพที่วาดจะช่วยกระตุ้นความทรงจำถึงศัพท์นั้นในอนาคต
...4. แสดง : แสดงท่าทางประกอบคำศัพท์หรือสำนวนที่กำลังเรียนอยู่ หรือจินตนาการว่าจะแสดงออกอย่างไรในสถานการณ์ที่คุณต้องใช้ศัพท์คำนั้น

...5. สร้าง : ออกแบบสมุดศัพท์ภาษาอังกฤษพร้อมความหมายแล้วเปิดอ่านหรือท่องในยามว่าง ทำเล่มใหม่ขึ้นทุกอาทิตย์และอย่าลืมทบทวนอันเก่าไปพร้อมๆ กันด้วย

...6. ความสัมพันธ์ : กำหนดแต่ละสีให้แต่ละคำศัพท์ ความสัมพันธ์ของแต่ละคู่จะช่วยให้จำศัพท์นั้นได้แม่นขึ้นเมื่อนึกถึงคำนั้นในคราวต่อไป
...7. ฟัง : นึกถึงศัพท์คำอื่นที่ออกเสียงคล้ายๆ กับคำศัพท์ใหม่ที่กำลังเรียนอยู่ ใช้ความสัมพันธ์ตรงจุดนี้ในการช่วยให้นักเรียนจำการออกเสียงของคำใหม่นั้นได้ง่ายขึ้น

...8. เลือก : จำไว้ว่าการเรียนในหัวข้อที่นักเรียนชอบหรือสนใจจะทำให้รู้สึกว่ามันง่ายขึ้น ฉะนั้นควรใส่ใจในการเลือกคำศัพท์ที่คิดว่ามีประโยชน์หรือน่าสนใจ เพราะแม้แต่กระบวนการเลือกคำที่จะเรียนก็มีผลให้จำได้แม่นและเร็วขึ้นด้วยเช่นกัน !

...9. ข้อจำกัด : มันเป็นไปไม่ได้ที่คนเราจะจำศัพท์ที่มีอยู่ในดิกชันนารี่ทั้งหมดได้ในวันเดียว เพราะฉะนั้นจำกัดการเรียนศัพท์ใหม่แค่วันละ 15 คำก็พอแล้ว ซึ่งถ้าพยายามจำให้มากคำเกินไปกว่านี้แทนที่มันจะทำให้รู้สึกมั่นใจกลับจะทำให้สมองตื้อแทน

...10. สังเกต : พยายามสังเกตหาคำศัพท์ที่คุณกำลังเรียนอยู่เมื่ออ่านหรือฟังภาษาอังกฤษ